เหนือมาตรฐานเอเชีย : ถอดบทเรียนการบินสูงในยุโรปของ มาโกโตะ ฮาเซเบะ

ยุโรป คือฝันของนักฟุตบอลอาชีพทุกคน เพราะที่นี่คือดินแดนของฟุตบอลยุคใหม่ที่ล้ำหน้าทั้งเรื่องการจัดการ แทคติก และวิถีความเป็นมืออาชีพ

สำหรับชาวเอเชียอย่างเรานั้น แค่ได้ก้าวไปถึงจุดนั้นได้ต่อให้ไม่ต้องได้ลงสนามมากมายหรือกลายเป็นตัวเก่งของทีมในระดับแถวหน้าของยุโรปก็มักจะได้คำชมว่าเก่งและเจ๋งมากพอแล้ว แต่เหนือสิ่งอื่นใดมันยังมีโลกอีกใบที่นักเตะเอเชียหลายคนไปไม่ถึง

นั่นคือการเล่นในยุโรปเป็นเวลานาน ๆ โดยรักษามาตรฐานการเล่นและสภาพร่างกายของตัวเองไว้ได้ ก่อนจะกลายเป็นกัปตันและเป็นตำนานของทีมที่ยังค้าแข้งอยู่ด้วยสถานะตัวหลักในวัยใกล้ ๆ 40 ปี

 

นี่คือเรื่องราวของ มาโกโตะ ฮาเซเบะ นักเตะกองกลางชาวญี่ปุ่นที่เล่นในลีกเยอรมันมามากกว่า 15 ปี และผ่านการแข่งขันมากว่า 500 นัด … อะไรคือสิ่งที่ทำให้นักเตะเอเชียคนหนึ่งไม่ยอมถอยกลับไปเล่นในบ้านเกิดเมื่ออายุเยอะเหมือนกับนักเตะหลาย ๆ คน ?

ติดตามได้ที่ Main Stand

ฝันของทุกคน

อย่างที่ได้เกริ่นนำไป ฟุตบอลยุโรปคือหมุดหมายปลายทางของนักฟุตบอลอาชีพทุกคนบนโลกนี้ ทั้งหมดมันเป็นเรื่องของความก้าวหน้าในอาชีพและทุกอย่างที่ตอบโจทย์ครบทุกด้าน ไม่ว่าจะรายรับ, คุณภาพชีวิต, วิทยาการต่าง ๆ รวมถึงการทำให้ตัวเองได้กลายเป็นนักฟุตบอลที่ดีขึ้นยิ่งกว่าเดิมอย่างไม่ต้องสงสัย

สำหรับนักเตะเอเชียนั้น หากเราย้อนกลับไปสักช่วงยุค 90s นั้นการได้ไปเล่นในยุโรปถือเป็นเรื่องที่แปลกใหม่น่าสนใจ ใครที่ไปเล่นยุโรปได้ก็ต้องเป็นนักเตะระดับหัวกะทิของเอเชียจริง ๆ และนักเตะพวกนี้จะถูกสื่อตามทำข่าวแทบทุกอิริยาบถ เรียกง่าย ๆ ก็คือมันแทบจะเป็นวาระแห่งชาติเลยก็ว่าได้ เราได้เห็นนักเตะอย่าง ฮิเดโตชิ นากาตะ หรือ อาลี ดาอี ที่เป็นนักเตะเอเชียที่สร้างกระแสในลีกยุโรปเป็นชาติแรก ๆ พวกเขากรุยทางส่งต่อมาถึงรุ่นหลัง ๆ และมันทำให้นักเตะเอเชียได้ไปเล่นในยุโรปง่ายขึ้นหลังยุค 2000s เป็นต้นมา โดยเฉพาะนักเตะญี่ปุ่นกับลีกบุนเดสลีกานั้นมีการส่งออกนักเตะไปที่เยอรมันเยอะมากขึ้นเรื่อย ๆ และ มาโกโตะ ฮาเซเบะ ก็เป็นหนึ่งในนั้น

ฮาเซเบะ เริ่มเล่นฟุตบอลในช่วงมัธยมและเป็นตัวแทนของโรงเรียน Fujieda Higashi ไปแข่งขันตามรายการต่าง ๆ จนเริ่มเข้าตาทีมใหญ่ของประเทศอย่าง อูราวะ เรด ไดมอนด์ส ที่เซ็นสัญญาเขาไปร่วมทีมด้วยเหตุผลหลัก ๆ คือเรื่องของฝีเท้า และเหนือสิ่งอื่นใดคือ “คาแร็กเตอร์” 

ในสารคดีชีวิตของ มาโกโตะ ฮาเซเบะ ของช่อง DW kick off! ใน YouTube นั้นได้มีการตามไปสัมภาษณ์โค้ชของ ฮาเซเบะ สมัยที่ยังเล่นให้ทีมมัธยม โดยโค้ชคนดังกล่าวได้บอกว่า

“เดิมทีแล้วเมืองฟูจิเอดะของเราเป็นเมืองที่บ้าคลั่งฟุตบอลกันแบบสุด ๆ เรียกได้ว่าถ้าคุณเป็นเบอร์ 1 ของที่นี่ คุณสามารถไปเล่นฟุตบอลที่ไหนในประเทศก็ได้ สำหรับ ฮาเซเบะ นั้นก็เป็นเบอร์ 1 ของเรา เขาผู้นำโดยธรรมชาติ เป็นคนที่ต่อให้คุณมองไม่เห็นปลอกแขนกัปตันทีมของเขาคุณก็รู้ได้ว่าเขาเป็นกัปตันของเรา” 

ตัวของ ฮาเซเบะ ก็บอกไม่ต่างกันในแง่ของการจะกลายเป็นนักเตะที่ดีที่สุดจนถึงขั้นได้ไปเล่นในยุโรป เขาเองก็ไม่เคยพอใจกับผลงานของตัวเองต่อให้ใครจะชมว่าเขาเป็นเด็กที่เก่งขนาดไหน แม้จะเป็นกัปตันและเบอร์ 1 ของทีมโรงเรียน แต่ ฮาเซเบะ ยังคงต้องตั้งใจซ้อม ตั้งใจเรียนรู้สิ่งที่โค้ชสอนอยู่ทุกวัน โดยที่ไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องลำบากยากเย็นเข็นใจเหมือนกับมันเป็นกิจกรรมหลักของชีวิตเขา เหมือนกับการที่ตื่นมาต้องล้างหน้าแปรงฟัน ก่อนนอนต้องดื่มน้ำสักแก้ว … เรื่องการฝึกหนักเพื่อก้าวกระโดดให้ไกลกว่าที่ตัวเองคิดคือเรื่องธรรมดา ๆ ที่ ฮาเซเบะ ทำมาตลอดจนถึงทุกวันนี้

 

“ตอนมัธยมเราแทบจะฝึกซ้อมกันตลอดเวลา การซ้อมส่วนใหญ่เป็นการฝึกวิ่งอย่างต่อเนื่อง เราฝึกการ Drills (การฝึกซ้อมท่าวิ่งให้ถูกต้องเพื่อเสริมความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อที่สำคัญต่อการวิ่ง) มาเป็นพัน ๆ ครั้ง เราพยายามจะทำให้ทักษะการครองบอลเป็นเลิศที่สุด ทุกอย่างสามารถตั้งอยู่บนคำว่า ‘หนักหน่วงสุด ๆ’ นั่นแหละที่ทำให้ผมกลายเป็นผมทุกวันนี้” ฮาเซเบะ กล่าวภายหลัง

เมื่อยุโรปไม่ใช่เรื่องง่าย มันจึงมีความหมายว่าคุณจะต้องฝึกหนักและแข็งแกร่งกว่าคนอื่น ฮาเซเบะ เข้าใจจุดนั้นและทำมันซ้ำมาตลอด ตั้งแต่ตอนที่เล่นให้กับทีมโรงเรียนมัธยมจนถึงขั้นเข้าสู่ระบบทีมเยาวชนจนถึงขั้นสูงสุดในประเทศและทวีป นั่นคือการคว้าแชมป์ลีกและแชมป์เอเชียร่วมกับ อูราวะ เรดส์

เมื่อในเอเชียไม่มีอะไรให้ต้องพิสูจน์ตัวเองอีกแล้ว มันจึงเป็นทางแยก 2 ทางของนักเตะที่อยู่ในระดับ “หัวแถวของลีกรอง ๆ” นั่นคือการพยายามให้หนักขึ้นไปอีกเพื่อไปเล่นในเกมที่มีมาตรฐานสูงกว่า หรือทางที่สองคือการพยายามรักษามาตรฐานของตัวเองและประคองตัวไว้ในการเล่นที่เดิมที่จะได้รับทั้งชื่อเสียง เงินทอง รวมถึงความสะดวกสบายในระดับหนึ่ง โดยไม่ต้องไปเริ่มนับหนึ่งสู้ใหม่ในต่างแดน

แน่นอนอย่างที่ทุกคนรู้กัน มาโกโตะ เลือกทิ้งชื่อเสียงทั้งหมดที่เขามีในญี่ปุ่นบินลัดฟ้าไปค้าแข้งในเยอรมันกับ โวล์ฟสบวร์ก … และเริ่มสร้างชื่อในฐานะ “เดอะ บอส” ซึ่งเป็นฉายาที่หลายคนเรียกเขาในภายหลัง

เลือกให้ฉลาด อย่ากลัวความเหนื่อย 

แต่เดิมก่อนที่ ฮาเซเบะ จะได้ย้ายมาเล่นที่เยอรมัน มีข่าวหลังจากเขาคว้าแชมป์เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก กับ อูราวะ ว่าสโมสรใน อิตาลี อย่าง เซียน่า ก็อยากจะเซ็นสัญญากับเขาเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ฮาเซเบะ ที่เป็นคนที่คิดเรื่องการวางแผนและวาดภาพไว้ในหัว ทุกอย่างที่เขาทำผ่านกระบวนการทางความคิดมาพอสมควร เขาเปลี่ยนใจไปเซ็นสัญญากับ โวล์ฟสบวร์ก เพราะเชื่อว่าเยอรมันคือที่ที่เหมาะกับนักเตะแบบเขามากกว่า

ตอนนี้ มาโกโตะ ฮาเซเบะ อายุ 38 ปีแล้ว แต่เขายังคงลงเล่นให้กับ แฟรค์เฟิร์ต ในฐานะตัวหลักอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2014 จนทุกวันนี้ … เมื่อถามว่าเขาจะเล่นในระดับนี้ไปถึงเมื่อไหร่ ฮาเซเบะ ก็ตอบได้แค่เพียงว่า “นานที่สุด ตราบเท่าที่จะเป็นไปได้  … ไม่แน่อาจจะถึง 40 ปีเลยก็ได้” มาโกโตะ ฮาเซเบะ กล่าวไว้ตอนที่เขาอายุ 34 ปี … วันนี้สิ่งที่เขาพูดไว้ใกล้จะเป็นจริงแล้ว

Cr.soccersuck

ข่าวฟุตบอล ผลบอล วิเคราะห์ฟุตบอล >> Goalliveth

siamsport ไฮไลท์ฟุตบอล 7m บ้านผลบอล โกลคลับ zeanstep Goalclub สยามกีฬา

• เรื่องน่าสนใจ •